ไอ้หื่นข่มขืน – ทำร้ายร่างกายหญิงวัยเกือบ 60

ไอ้หื่นข่มขืน – ทำร้ายร่างกายหญิงวัยเกือบ 60

เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา นางมนันญา หญิงวัย 58 ปีผู้เสียหาย เล่าว่าตนอยู่ที่บ้านในจ.ชัยภูมิตามลำพัง เพราะลูกๆ ไปทำงานที่กทม. ระหว่างเกิดเหตุ มีฝนตกลงมา และก่อนหน้านั้นบ้านได้ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่มพัง จนหลังคาห้องครัวหลังบ้านปลิวหายไป ทำให้ผู้ก่อเหตุคือ นายกำพล หรือโป่ย อายุ 25 ปี ปีนเข้ามาในบ้านได้อย่างง่ายดาย จากนั้นจึงบุกมาขึ้นคร่อมในมุ้งและใช้มือปิดปากไว้

ขณะนั้น ตนรู้สึกตัวจึงกัดที่นิ้วมือข้างซ้ายของผู้ก่อเหตุและต่อสู้กันอยู่ครู่หนึ่ง 

ก่อนจะโดนชกจนบอบช้ำ หมดแรง และฟันล่างหัก 3 ซี่ ตนถามนายกำพลว่าต้องการอะไร อยากได้อะไรก็จะยอม และได้คำตอบว่า “อยากได้ยาย” ก่อนที่นายกำพลจะลงมือข่มขืนโดยลากตนเข้าไปในห้องน้ำ ระหว่างนั้นตนพยายามพูดจาหว่านล้อมต่างๆ เพื่อไม่ให้โดนทำร้ายจนสุดท้ายนายกำพลก็ยอมใจอ่อนและตัดสินใจหนีไป หลังจากนั้นตนจึงโทรศัพท์หาเพื่อนบ้านให้มาช่วย

นางมนันญากล่าวว่าตนสามารถจำหน้าคนร้ายได้เป็นอย่างดีเพราะบ้านอยู่ห่างกันเพียงประมาณ 100 เมตร หลังเกิดเหตุตำรวจได้สอบสวนข้อมูลจากผู้เสียหาย จากนั้นจึงออกติดตามและสามารถจับกุมนายกำพลซึ่งหลบหนีไปอยู่บ้านเพื่อนในหมู่บ้านเดียวกันได้ นายกำพลยอมรับสารภาพว่าได้บุกเข้าบ้านหวังจะข่มขืนนางมนันญา แต่ยังทำไม่สำเร็จ ก่อนหลบหนีออกไปทางหลังบ้าน อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะส่งตัวนายกำพลดำเนินคดีในข้อหา ข่มขืนกระทำชำเรา โดยใช้กำลัง ประทุษร้าย ผู้อื่นในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ และบุกรุกเคหะสถานในเวลา กลางคืน

ปู่พาหลานวัย 10 ขวบเข้าแจ้งความ สุดทนพฤติกรรมพ่อเด็กทำร้ายร่างกาย เจ้าหน้าที่ สภ.สงขลา ได้รับแจ้งเหตุพ่อแท้ๆทำร้ายร่างกายเด็กจนได้รับบาดเจ็บ โดยจากการตรวจสอบตามร่างกายเบื้องต้นของเด็กหญิงวัย 10 ขวบ พบร่องรอยถูกตีเป็นแนวยาวที่หัวไหล่ซ้าย แผ่นหลังและก้น เจ้าหน้าที่จึงได้ลงบันทึกประจำวันที่สภ.สงขลา แจ้งความเอาผิดกับพ่อแท้ๆของเด็กโดยขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนี

จากการสอบถามเด็กหญิงเล่าให้ฟังว่าปกติก็ถูกพ่อแม้ๆตีอยู่เป็นประจำแต่ครั้งนี้ถือว่าหนักสุดโดยก่อนเกิดเหตุพ่อกลับมาจากทำงานมีอาการมึนเมาสุราพบตนนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่แต่ไม่ได้เก็บบ้านให้เป็นระเบียบตามที่พ่อเคยสั่งสอนไว้ก่อนที่จะถูกพ่อดุว่าพร้อมคว้าไม้แขวนเสื้อกระหน่ำตีตนเองไม่ยั้งมือหลายสิบครั้งจนปู่มาเห็นเหตุการณ์ก็มาห้ามปรามและต่อว่าก่อนที่พ่อจะเลิกตีพร้อมเดินหนีออกไปจากบ้าน ขณะที่ปู่ของเด็กเล่าว่าปกติลูกชายชอบกินเหล้าและทุบตีหลานเป็นประจำแต่ครั้งนี้ไม่สามารถทนเห็นหลานเจ็บปวดได้จึงพาหลานสาวเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับลูกชาย

ฟ้าผ่าวัวตาย 4 ตัวกลางทุ่งนาเมืองเลย ที่เหลือเจ็บระนาว

เมื่อช่วงเย็นวานนี้ เกิดเหตุฝนตกฟ้าผ่าวัว ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ ตาย 4 ตัวตัว โดยวัวทั้งหมดเป็นของ นายประมิน แสงรัตน์ อายุ 56 ปี เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านบุ่ง หมู่ 6 ต.นาแห้ว อ.นาแห้ว จ.เลย จากการสอบ นายประมิน เจ้าของวัว เล่าว่า ขณะเกิดเหตุได้มีฝนตกลงมา สักพักได้ยินเสียงฟ้าร้องดังมากทางไร่ของตน ตนจึงรีบขับรถไปดู ก็ปรากฏว่า เห็นวัวนอนเสียชีวิตอยู่แล้ว 4 ตัว โดยวัวมีทั้งหมด 16 ตัว โดยตนสังเกตเห็นเสากระต๊อบถูกฟ้าผ่า มีรอยฉีก โดยวัวที่เสียชีวิตอยู่ใต้กระต๊อบพอดี ส่วนตัวอื่นอยู่รอบๆ กระต๊อบ ขณะที่บางตัวกระเด็นออกมาจากใต้กระต๊อบ แต่ไม่ตาย

เบื้องต้น ชาวบ้านได้นำวัวที่เสียชีวิตออกมาจากจุดเกิดเหตุมาไว้ที่บ้าน จากนั้นสัตว์แพทย์อำเภอนาแห้ว จะมาตรวจสอบว่าเนื้อวัวสามารถนารับประทานได้ จึงได้ทำการแบ่งขายให้กับชาวบ้านในระแวกนั้นและชาวบ้านใกล้เคียง

ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตรวบ 2 พี่น้องชาวพัทลุง พร้อมยาบ้า กระสุนปืน และน้ำกระท่อม เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2562 เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.วิศาล พันธุ์มณี ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.เสริมพันธุ์ ศิริคง รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สส.กก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล พ.ต.ท.ธรรมสรรค์ บุญทรง รองผกก.สส.ฯ นำโดย พ.ต.ต.พิชิต ทองโต หน.ชปส.ภ.จว.ภูเก็ต ร.ต.อ.ชัยวัฒน์ ชูหว่าง ร.ต.ต.เลิศไพบูลย์ สุขาภิรมย์ และเจ้าหน้าที่ชุดชปส.ภ.จว.ภูเก็ต ร่วมกันจับกุม 2 พี่น้องชาวพัทลุง คือ นายธนพัสส์ หรือเบส ชูสม อายุ 26 ปี พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า จำนวน 121 เม็ด

โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ นายธนบัตร หรือบัตร ชูสม อายุ 29 ปี พร้อมด้วยของกลาง น้ำต้มใบพืชกระท่อม ปริมาณ 1.3 ลิตร และ เครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 จำนวน 5 นัด โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (น้ำต้มพืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยสามารถจับกุมได้ที่ บริเวณ ม.1 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน นำส่ง พนักงานสอบสวนสภ.วิชิต เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐมีมติชี้มูลความผิดข้าราชการตำรวจผู้ใดซึ่งออกจากราชการแล้ว การดำเนินการทางวินัยและสั่งลงโทษแก่ข้าราชการตำรวจผู้นั้น

ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริตหรือกฎหมายว่าด้วยมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แล้วแต่กรณีการดำเนินการทางวินัยตามวรรคหนึ่ง หากปรากฏว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงก็ให้งดโทษ

credit : barhitessales.com beachaccesshawaii.org bedrockbaltimore.com blacklineascension.com blackliteraturemagazine.net bluesdvds.com bostonsdd.com brooklyntheologian.com careyrockland.com